สำหรับคนที่เล่นโซเชียลมีเดียเป็นประจำ คงจะคุ้นเคยกับคำว่า Influencer ดีอยู่แล้วและคงจะมีหลายคนที่ติดตามอินฟลูเอนเซอร์เหล่านั้นอยู่ แต่หากพูดถึงคำว่า KOL เชื่อว่าคงจะมีบางส่วนที่ยังไม่รู้จักคำนี้อย่างแน่นอน แล้วคำว่า Influencer กับ KOL เกี่ยวข้องกันอย่างไร? เหมือนหรือแตกต่างกันยังไง? แล้วต้องเลือกยังไงถึงจะส่งผลดีต่อแบรนด์ ในบทความนี้ NeuMerlin Group จะมาเล่าให้คุณฟังเอง ใครที่ทำงานสาย Marketing แล้วยังไม่รู้คำศัพท์ทั้ง 2 คำนี้ ต้องห้ามพลาด!
ทำความรู้จัก KOL และ Influencer คืออะไร?
หากจะพูดถึง “ผู้มีอิทธิพล” ในโลกการสื่อสารของยุคนี้ก็คงไม่พ้น “Influencer” และ “KOL” ซึ่งผู้มีอิทธิพลทั้ง 2 ประเภทนี้ จะมีพลังในการสร้างการรับรู้บางอย่างให้กับผู้คน ซึ่งแบรนด์ก็มักจะใช้อิทธิพลและพลังดังกล่าวในการสื่อสารบางอย่างออกไปผ่านพวกเขา
KOL คืออะไร?
KOL หรือ Key Opinion Leader คือ ผู้นำทางความคิด หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมจากการมีความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น แพทย์ นักวิชาการ นักเทรดหุ้น เป็นต้น โดยมีช่องทางบนโซเชียลมีเดีย และมีผู้ติดตามมาช่วยโปรโมตรีวิวสินค้าเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ความเชี่ยวชาญของ KOL ที่แบรนด์เลือกใช้ ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้อีกด้วย
Influencer คืออะไร?
Influencer คือผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok, Twitter (X) หรือ YouTuber โดยบุคคลเหล่านี้จะมีพลังในการสร้างการรับรู้ และสามารถโน้มน้าวให้คนสนใจซื้อสินค้าหรือบริการ ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ
KOL กับ Influencer ต่างกันอย่างไร?
ทั้ง KOL และ Influencer เป็นผู้ที่มีอิทธิพลบนสื่อสังคมออนไลน์ด้วยกันทั้งคู่ แต่ความแตกต่างของผู้มีอิทธิพลทั้ง 2 ประเภทคือ “การนำเสนอ” โดย KOL จะนำเสนอโดยเน้นการให้ความรู้ในเรื่องที่อยู่ในความเชี่ยวชาญของตนเอง หรืออธิบายสรรพคุณและประโยชน์ต่าง ๆ ของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ เพื่อให้ผู้ติดตามได้ข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจซื้อ
ส่วน Influencer จะนำเสนอโดยเน้นการให้ความคิดเห็น การแนะนำ หรือการรีวิวสินค้า เพื่อโน้มน้าวให้ผู้ติดตามตัดสินใจซื้อสินค้า
ข้อดีของการทำ KOL Marketing
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า เนื่องจากกลุ่มผู้ติดตามส่วนใหญ่ของ KOL จะมีความชื่นชอบหรือสนใจในเรื่องเดียวกัน ทำให้การโปรโมตสินค้าสามารถเข้าถึงได้มากกว่าและตรงจุด
- ช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย เพราะ KOL เป็นบุคคลที่สามารถบอกต่อสรรพคุณของสินค้าหรือบริการได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ที่ติดตามเกิดความเชื่อมั่นในสินค้าหรือบริการ จนเกิดการสั่งซื้อในที่สุด
- สร้างความแตกต่างจากแบรนด์คู่แข่ง ด้วยความที่ KOL เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้สิ่งที่ KOL นำเสนอออกมานั้นมีความจริงใจ และความน่าเชื่อถือมากกว่า ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจดจำแบรนด์และทำให้แบรนด์แตกต่างจากคู่แข่ง
เลือก KOL อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
การเลือก KOL ไม่ใช่ว่าจะเลือกใครก็ได้ แต่จะต้องมีขั้นตอนในการคัดเลือกและพิจารณา KOL ที่เหมาะสมกับแบรนด์ให้ดีเสียก่อน โดยมีขั้นตอนดังนี้
ทำความเข้าใจตลาด
สิ่งแรกที่ต้องทำการเลือกว่าจะใช้ KOL คนไหนดี จะต้องมีการทำความเข้าใจตลาด และวางแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่จะใช้ให้เรียบร้อยเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์, คู่แข่งในตลาด, รูปแบบคอนเทนต์ที่กำลังได้รับความนิยม, KOL ที่โดดเด่น เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ที่รอบคอบ และสามารถนำมาใช้ในการพิจารณาเพื่อเลือก KOL ที่เหมาะสมกับแบรนด์ได้อย่างรอบด้าน
ค้นหา KOL ที่โดดเด่นในอุตสาหกรรม และเหมาะสมกับแบรนด์
โดยใช้ Social Listening Tool เพื่อค้นหาว่า KOL คนนั้นมีการพูดถึงหัวข้ออะไรบ้าง มีสถิติที่น่าสนใจมากพอที่จะเลือกมาใช้งานหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์สามารถเลือก KOL ที่มีความน่าเชื่อถือ และมีภาพลักษณ์ที่ตรงกับความต้องการของแบรนด์ได้
KOL ต้องตอบโจทย์แผนกลยุทธ์ที่ใช้
อีกสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ KOL ที่เลือกสามารถทำงานตามความต้องการของแบรนด์ได้หรือไม่ ทั้งการเลือกแพลตฟอร์มที่ใช้ รูปแบบคอนเทนต์ที่ต้องการ ไปจนถึงวัน-เวลาในการเผยแพร่ เพื่อให้สามารถทำแคมเปญออกมาได้สมบูรณ์แบบตามระยะเวลาที่กำหนด และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้
KOL มีกี่ประเภท
โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถแบ่งประเภทของ KOL ตามจำนวนผู้ติดตาม (Followers) ซึ่งจะส่งผลต่อขอบเขตการเข้าถึงและระดับการมีส่วนร่วมที่แตกต่างกันไป ดังนี้
Nano KOL
เป็นกลุ่มที่มีผู้ติดตามประมาณ 1,000 - 10,000 คน แม้จะมีจำนวนผู้ติดตามไม่มาก แต่เป็นกลุ่มที่สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ได้สูงที่สุด มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและน่าเชื่อถือในกลุ่มผู้ติดตามเฉพาะทาง เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการเจาะตลาด Niche Market
Micro KOL
เป็นกลุ่มที่มีผู้ติดตามในช่วง 10,000 - 100,000 คน เป็นกลุ่มที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ติดตามได้และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ อย่างชัดเจน เป็นที่นิยมมากสำหรับแบรนด์ต่างๆ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดีทั้งในด้านการเข้าถึงและการมีส่วนร่วม
Macro KOL
เป็นกลุ่มที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 100,000 - 1,000,000 คน กลุ่มนี้มักจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงกว้าง สามารถสร้างการรับรู้ (Awareness) ได้ในปริมาณมาก เหมาะสำหรับแคมเปญที่ต้องการโปรโมตแบรนด์หรือสินค้าให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
Mega KOL
คือกลุ่มผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศหรือระดับโลก เช่น ดารา นักร้อง หรือเซเลบริตี้ ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 คนขึ้นไป การใช้ KOL กลุ่มนี้สามารถสร้างแรงกระเพื่อมและการรับรู้ได้มหาศาล แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดเช่นกัน
ข้อดีของการทำ KOL Marketing
ในยุคที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมายและเริ่มไม่เชื่อโฆษณาแบบเดิมๆ การตลาดแบบบอกต่อผ่านบุคคลที่น่าเชื่อถือจึงทวีความสำคัญขึ้น การทำ KOL Marketing ไม่ใช่แค่การจ้างคนดังมาโปรโมตสินค้า แต่เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างความไว้วางใจและเข้าถึงลูกค้าในระดับที่ลึกซึ้งกว่า ซึ่งข้อดีของการนำกลยุทธ์นี้มาปรับใช้ สามารถสร้างประโยชน์ให้กับแบรนด์ได้อย่างมหาศาล ดังนี้
เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
เนื่องจากกลุ่มผู้ติดตามส่วนใหญ่ของ KOL จะมีความชื่นชอบหรือสนใจในเรื่องเดียวกัน ทำให้การโปรโมตสินค้าสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของแบรนด์ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากกว่าการโฆษณาทั่วไป
ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายด้วยความน่าเชื่อถือ
เพราะ KOL เป็นบุคคลที่สามารถบอกต่อสรรพคุณของสินค้าหรือบริการได้อย่างน่าเชื่อถือจากความเชี่ยวชาญของพวกเขา ทำให้ผู้ที่ติดตามเกิดความเชื่อมั่นในสินค้าหรือบริการนั้นๆ และนำไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด
สร้างความแตกต่างและภาพลักษณ์ที่ดีให้แบรนด์
ด้วยความที่ KOL เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้สิ่งที่ KOL นำเสนอออกมานั้นมีความจริงใจและน่าเชื่อถือสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจดจำแบรนด์ ทำให้แบรนด์ของคุณดูโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
วิธีเลือก KOL ในการทำการตลาดให้ปังและได้ผลจริง
การเลือก KOL คือการเลือกพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจคนหนึ่ง การให้เวลาในการคัดเลือกอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณได้คนที่สามารถเป็นตัวแทนของแบรนด์ได้อย่างแท้จริง และสร้างผลลัพธ์ทางการตลาดที่คุ้มค่ากับการลงทุน โดยสามารถทำตาม 5 ขั้นตอนสำคัญนี้ เพื่อให้คุณได้พาร์ทเนอร์ที่ใช่ที่สุดสำหรับแบรนด์ของคุณได้เลย
ขั้นตอนที่ 1: กำหนดเป้าหมายของแคมเปญให้ชัดเจน (Start with "Why")
ก่อนจะเริ่มมองหาว่า KOL คือใคร, ให้ถามตัวเองก่อนว่า "เราทำแคมเปญนี้ไปเพื่ออะไร?" เพราะเป้าหมายที่ต่างกัน จะนำไปสู่การเลือกประเภท KOL ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
- ต้องการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness): อาจต้องเลือกใช้ Macro/Mega KOL ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากเพื่อสร้างแรงกระเพื่อมในวงกว้าง
- ต้องการยอดขายหรือ Conversion: Micro KOL ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจจากผู้ติดตามสูง อาจกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ดีกว่า
- ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้สินค้า: ต้องเลือก KOL ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ จริงๆ เช่น เลือกแพทย์หรือนักโภชนาการสำหรับสินค้าเพื่อสุขภาพ
ขั้นตอนที่ 2: วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย (Audience Alignment)
"KOL ที่ใช่ คือคนที่มีผู้ติดตามตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คุณ" นี่คือกฎเหล็กที่สำคัญที่สุด อย่าดูแค่ตัวตนของ KOL แต่ให้วิเคราะห์ลงลึกไปถึงกลุ่มผู้ติดตามของพวกเขา:
- ข้อมูลประชากรศาสตร์ (Demographics): ผู้ติดตามของเขามี เพศ, อายุ, ที่อยู่ ตรงกับลูกค้าของคุณหรือไม่?
- ความสนใจ (Interests): พวกเขาสนใจในเรื่องอะไร? สอดคล้องกับสินค้าหรือบริการของคุณหรือไม่?
- พฤติกรรม: พวกเขามีพฤติกรรมการซื้ออย่างไร? มีแนวโน้มจะเชื่อและซื้อตาม KOL คนนี้หรือไม่?
ขั้นตอนที่ 3: ค้นหาและคัดกรองรายชื่อ KOL เบื้องต้น
เมื่อรู้เป้าหมายและกลุ่มลูกค้าแล้ว ก็ถึงเวลาค้นหา KOL ที่มีศักยภาพ โดยสามารถทำได้หลายวิธี:
- ใช้ Social Listening Tools: เพื่อดูว่าใครคือคนที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุดในอุตสาหกรรมของคุณ
- ค้นหาผ่าน Hashtag: ค้นหาแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณบนโซเชียลมีเดีย
- ดูจากคู่แข่ง: วิเคราะห์ว่าคู่แข่งของคุณกำลังทำงานกับใครอยู่
- สอบถามจากลูกค้า: ทำแบบสำรวจสั้นๆ ว่าลูกค้าของคุณติดตามใครเป็นพิเศษ
ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบเชิงลึกด้วยเกณฑ์ "REAC"
เมื่อมีรายชื่อในใจแล้ว ให้ประเมินแต่ละคนอย่างละเอียดด้วย 4 เกณฑ์สำคัญ (จำง่ายๆ ว่า REAC):
- R - Relevance (ความเกี่ยวข้อง): เนื้อหาและภาพลักษณ์ของ KOL สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณหรือไม่? ความเชี่ยวชาญของเขาเกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณโดยตรงหรือเปล่า? (เช่น ไม่ควรเลือก KOL สายท่องเที่ยวมาโปรโมตเครื่องสำอาง หากไม่มีการเชื่อมโยงที่ดีพอ)
- E - Engagement (การมีส่วนร่วม): อย่าดูแค่ยอดผู้ติดตาม! ให้ดูที่อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate) ซึ่งคำนวณจากยอดไลก์, คอมเมนต์, แชร์ เทียบกับจำนวนผู้ติดตามทั้งหมด KOL ที่มีผู้ติดตามน้อยกว่าแต่ Engagement สูง อาจมีคุณค่ามากกว่าคนที่มีผู้ติดตามเยอะแต่ไม่มีคนสนใจ
- A - Authenticity (ความน่าเชื่อถือ): KOL คนนั้นมีความจริงใจและเป็นธรรมชาติหรือไม่? ผู้ติดตามของเขาเป็นคนจริงๆ หรือมีแต่บัญชีปลอม? ลองอ่านคอมเมนต์เพื่อดูปฏิสัมพันธ์จริงๆ และตรวจสอบประวัติที่ผ่านมาว่าเคยมีประเด็นด้านลบหรือไม่
- C - Content Quality (คุณภาพของคอนเทนต์): สไตล์การทำคอนเทนต์ (ภาพ, วิดีโอ, การเขียน) มีคุณภาพและตรงกับมาตรฐานที่แบรนด์ต้องการหรือไม่? ดูผลงานที่ผ่านมาว่ามีความเป็นมืออาชีพและสร้างสรรค์เพียงใด
ขั้นตอนที่ 5: ติดต่อและพูดคุยรายละเอียดให้ชัดเจน
หลังจากได้คนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการติดต่อเพื่อพูดคุยและตกลงเงื่อนไข
- ส่งบรีฟที่ชัดเจน: บอกเป้าหมายของแคมเปญ, สิ่งที่คาดหวัง, และข้อความหลักที่ต้องการสื่อสาร
- สอบถามราคาและรูปแบบการทำงาน: ขอใบเสนอราคา (Quotation) และสอบถามขั้นตอนการทำงานให้ชัดเจน
- ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร: ควรมีสัญญาที่ระบุขอบเขตงาน, จำนวนคอนเทนต์, กำหนดส่งงาน, สิทธิ์ในการใช้คอนเทนต์ และเงื่อนไขการชำระเงินให้ชัดเจน
วิธีใช้ KOL ในการทำการตลาด
KOL เป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดที่สามารถสร้างผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้อย่างมาก การร่วมมือกับ KOL จึงเป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์ต่าง ๆ นิยมใช้เพื่อเพิ่มการรับรู้และยอดขาย โดยมีวิธีที่สามารถใช้ KOL ในการทำการตลาดได้มีดังนี้
.webp)
การโฆษณา (Advertisement)
การใช้ KOL ในการโฆษณาเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบนแพลตฟอร์มออนไลน์หรือออฟไลน์ KOL จะนำเสนอสินค้าหรือบริการของแบรนด์ผ่านช่องทางของตนเอง ซึ่งอาจเป็นโซเชียลมีเดีย บล็อก หรือช่อง YouTube โดยใช้ความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือของตนเองในการดึงดูดความสนใจของผู้ติดตาม ตัวอย่างเช่น แบรนด์อาหารอาจร่วมมือกับ KOL ด้านอาหารที่มีชื่อเสียงเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจและอยากทดลองชิม
รีวิวสินค้าหรือบริการ

การให้ KOL รีวิวสินค้าหรือบริการเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ KOL จะทดลองใช้สินค้าจริงและแบ่งปันประสบการณ์กับผู้ติดตาม โดยนำเสนอทั้งข้อดีและข้อควรปรับปรุง ซึ่งความจริงใจนี้จะช่วยสร้างความไว้วางใจจากผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น KOL ด้านความงามอาจรีวิวเครื่องสำอางใหม่ โดยทดลองใช้และแสดงผลลัพธ์ให้ผู้ติดตามเห็น ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจการใช้งานและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้น
มีการเมนชั่นถึงแบรนด์

การเมนชั่นถึงแบรนด์โดย KOL เป็นวิธีที่แยบยลในการสร้างการรับรู้ KOL อาจกล่าวถึงแบรนด์ในเนื้อหาที่สร้างสรรค์ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นการโฆษณาโดยตรง เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันและเมนชั่นถึงแบรนด์อย่างเป็นธรรมชาติ วิธีนี้ช่วยให้ผู้ติดตามรู้สึกว่าการแนะนำนั้นจริงใจและไม่เป็นการยัดเยียดโฆษณา ทำให้เกิดความสนใจในแบรนด์อย่างแท้จริง
กิจกรรมหรืออีเวนต์แบบ Offline
การเชิญ KOL เข้าร่วมกิจกรรมหรืออีเวนต์แบบ Offline เป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ การประชุม หรือนิทรรศการ การมี KOL ร่วมงานจะช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างกระแสให้กับกิจกรรมนั้น ๆ นอกจากนี้ KOL ยังมักจะแชร์ประสบการณ์จากงานผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตน ทำให้แบรนด์ได้รับการประชาสัมพันธ์ในวงกว้างมากขึ้น
FAQ
1. KOL คือตําแหน่งอะไร
KOL ย่อมาจาก Key Opinion Leader หมายถึงบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดในวงการหรือสาขาใดสาขาหนึ่ง พวกเขามักเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ลึกซึ้งและมีผู้ติดตามจำนวนมาก KOL สามารถเป็นได้ทั้งนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม บล็อกเกอร์ หรือผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดีย บทบาทหลักของ KOL คือการให้ข้อมูล ความคิดเห็น และคำแนะนำที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค
2. KOL กับ KOC ต่างกันยังไง
แม้ว่า KOL (Key Opinion Leader) และ KOC (Key Opinion Consumer) จะมีบทบาทในการสร้างอิทธิพลต่อผู้บริโภค แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ KOL มักเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เฉพาะทางและมีผู้ติดตามจำนวนมาก พวกเขานำเสนอมุมมองที่กว้างและลึกซึ้งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ในขณะที่ KOC เป็นผู้บริโภคทั่วไปที่แบ่งปันประสบการณ์การใช้งานจริง KOC มักจะนำเสนอมุมมองที่เป็นกันเองและใกล้ชิดกับผู้บริโภคทั่วไปมากกว่า
3. อินฟลูเอนเซอร์ ทําอะไรบ้าง
อินฟลูเอนเซอร์มีบทบาทหลากหลายในโลกการตลาดดิจิทัล พวกเขาสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวสินค้า แบ่งปันเคล็ดลับ หรือนำเสนอไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ อินฟลูเอนเซอร์ยังทำงานร่วมกับแบรนด์ในการโปรโมทผลิตภัณฑ์หรือบริการ เข้าร่วมแคมเปญการตลาด และสร้างเนื้อหาที่สนับสนุนภาพลักษณ์ของแบรนด์ บางคนยังจัดกิจกรรมหรือเวิร์คช็อปเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตามโดยตรง
สรุปบทความ
KOL Marketing ถือเป็นรูปแบบการทำการตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดูน่าเชื่อถือให้กับสินค้าหรือบริการของแบรนด์ได้อีกด้วย สำหรับแบรนด์ที่สนใจการทำ KOL Marketing แต่ยังจับทางไม่ถูก NeuMerlin Group ก็พร้อมให้ความช่วยคุณในเรื่องนี้
เพราะภายใต้ NeuMerlin Group เรามีอีกเครือข่ายบริษัทที่พร้อมให้บริการด้านการตลาด โดยมี VIRT เป็นบริษัทที่ดูแลเรื่อง KOL โดยเฉพาะ ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่า KOL ที่เราคัดสรรมาให้คุณ จะสามารถสร้างผลประโยชน์กลับมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เราคือ Marketing Agency ที่มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเพื่อการมีส่วนร่วมในเอเชียแปซิฟิก พร้อมทีมงานมืออาชีพ