ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การมีตัวตนบนโลกออนไลน์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกธุรกิจ เว็บไซต์จึงเปรียบเสมือนหน้าร้านดิจิทัลที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง การออกแบบเว็บไซต์ที่ดีนั้นไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้เข้าชม แต่ยังส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานและการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของลูกค้าอีกด้วย บทความนี้จะแนะนำ 4 ขั้นตอนหลักในการออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงาม ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจและผู้ใช้งาน
4 ขั้นตอนการออกแบบเว็บไซต์มีอะไรบ้าง

การออกแบบเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพนั้นไม่ได้เกิดจากความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงการใช้งาน ประสบการณ์ผู้ใช้ และเป้าหมายทางธุรกิจควบคู่กันไป ทั้งนี้ เราสามารถแบ่งขั้นตอนหลักในการออกแบบเว็บไซต์ได้เป็น 4 ขั้นตอนสำคัญ ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดและความสำคัญที่แตกต่างกัน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. กำหนดคอนเซปต์ และคอนเทนต์ให้ชัดเจน
ก่อนเริ่มลงมือออกแบบ สิ่งสำคัญที่สุดคือการกำหนดคอนเซปต์และเนื้อหาของเว็บไซต์ให้ชัดเจน เพราะจะเป็นตัวกำหนดทิศทางทั้งหมดของการออกแบบ เริ่มจากการตั้งเป้าหมายว่าเว็บไซต์ของคุณมีไว้เพื่ออะไร เช่น เพื่อขายสินค้า ให้ข้อมูล หรือสร้างการรับรู้แบรนด์ จากนั้นกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเป็นใคร มีพฤติกรรมและความต้องการอย่างไร
ในด้านเนื้อหา ควรวางแผนให้สอดคล้องกับเป้าหมายและกลุ่มเป้าหมาย โดยเนื้อหาต้องมีคุณภาพ มีประโยชน์ และตรงประเด็น รวมถึงต้องพิจารณาเรื่อง SEO ด้วย เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาได้ดี บริษัทรับทำเว็บไซต์ชั้นนำมักจะให้ความสำคัญกับขั้นตอนนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะกำหนดความสำเร็จของเว็บไซต์ในระยะยาว
2. กำหนดโครงสร้างเว็บไซต์ หรือ Sitemap
เมื่อได้คอนเซ็ปต์และเนื้อหาที่ชัดเจนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางโครงสร้างเว็บไซต์หรือ Sitemap ซึ่งเป็นแผนผังที่แสดงหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์และความสัมพันธ์ระหว่างหน้า การวาง Sitemap ที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์มีการจัดการข้อมูลที่เป็นระบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและไม่สับสน
ในการสร้าง Sitemap ควรเริ่มจากหน้าหลัก (Homepage) แล้วแตกเป็นหมวดหมู่หลักและหมวดหมู่ย่อย โดยจัดกลุ่มเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันไว้ด้วยกัน และวางหน้าที่สำคัญให้เข้าถึงได้ง่าย ไม่ซ่อนลึกเกินไป นอกจากนี้ การวาง Sitemap ยังช่วยในเรื่องการสร้างแบรนด์ด้วย เพราะโครงสร้างที่ดีจะสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและความใส่ใจในรายละเอียดของธุรกิจคุณ
3. ออกแบบดีไซน์เว็บไซต์ (UX/UI Design)
หลังจากวางโครงสร้างเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการออกแบบ User Experience (UX) และ User Interface (UI) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ใช้งานง่ายและน่าดึงดูด UX คือการออกแบบประสบการณ์โดยรวมที่ผู้ใช้จะได้รับเมื่อเข้าชมเว็บไซต์ ทั้งในแง่ของความสะดวก ความเร็ว และการบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ส่วน UI คือการออกแบบหน้าตาและองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ผู้ใช้จะมองเห็นและมีปฏิสัมพันธ์ด้วย
ในการออกแบบ UX/UI ควรคำนึงถึงหลักการพื้นฐาน เช่น ความเรียบง่าย ความสอดคล้อง และการจัดวางที่เหมาะสม โดยใช้โทนสี ฟอนต์ และกราฟิกที่สอดคล้องกับการออกแบบแบรนด์ของคุณ นอกจากนี้ ยังควรมีการใช้ Call-to-Action (CTA) ที่ชัดเจนเพื่อนำทางผู้ใช้ให้ทำตามเป้าหมายที่เราต้องการ เช่น การลงทะเบียน การซื้อสินค้า หรือการติดต่อกลับ
4. ออกแบบเว็บไซต์ให้ Responsive
ในยุคที่ผู้คนใช้อุปกรณ์หลากหลายในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต การออกแบบเว็บไซต์ให้ Responsive หรือรองรับการแสดงผลบนทุกอุปกรณ์จึงเป็นสิ่งจำเป็น เว็บไซต์ที่ Responsive จะปรับขนาดและการจัดวางให้เหมาะสมกับหน้าจอที่ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน
การออกแบบให้ Responsive นั้นต้องคำนึงถึงการจัดวางองค์ประกอบที่ยืดหยุ่น การใช้รูปภาพที่ปรับขนาดได้ และการทำเมนูที่ใช้งานได้สะดวกบนอุปกรณ์มือถือ นอกจากนี้ ยังต้องทดสอบการทำงานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์สามารถใช้งานได้ดีในทุกสถานการณ์ การออกแบบที่ตอบสนองต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่เพียงแต่จะเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้ แต่ยังส่งผลดีต่ออันดับในการค้นหาของ Google อีกด้วย
องค์ประกอบของเนื้อหาในเว็บไซต์ที่ควรรู้ก่อนออกแบบเว็บไซต์

นอกจาก 4 ขั้นตอนหลักในการออกแบบเว็บไซต์แล้ว การทำความเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานของหน้าเว็บก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยให้สามารถจัดวางเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามมาตรฐาน โดยทั่วไป หน้าเว็บจะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนหัว (Page Header) ส่วนเนื้อหา (Page Body) และส่วนท้าย (Page Footer) ซึ่งแต่ละส่วนมีหน้าที่และความสำคัญที่แตกต่างกัน
Page Header
ส่วนหัวของเว็บไซต์เป็นส่วนแรกที่ผู้ใช้จะมองเห็นเมื่อเข้าชมเว็บไซต์ จึงมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างความประทับใจแรกและดึงดูดความสนใจ องค์ประกอบหลักในส่วนนี้มักจะประกอบด้วยโลโก้ ชื่อเว็บไซต์ เมนูหลัก และบางครั้งอาจมีแบนเนอร์หรือสไลด์โชว์เพื่อนำเสนอข้อมูลสำคัญหรือโปรโมชั่นพิเศษ
การออกแบบ Page Header ควรเรียบง่าย สะอาดตา และสื่อถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ชัดเจน โลโก้ควรวางในตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่าย มักจะอยู่ด้านบนซ้ายของหน้าเว็บ ส่วนเมนูควรจัดวางให้เป็นระเบียบและเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนเกินไป เมนูที่ดีควรมีการแบ่งหมวดหมู่อย่างชัดเจนและมีชื่อที่สื่อความหมายได้ตรงไปตรงมา
Page Body
ส่วนเนื้อหาเป็นพื้นที่หลักของเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลหรือเนื้อหาสำคัญตามวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ เช่น ข้อมูลสินค้า บทความ รูปภาพ วิดีโอ หรือฟอร์มต่าง ๆ การจัดวางในส่วนนี้ควรเน้นความสะดวกในการอ่านและทำความเข้าใจ โดยใช้การจัดวางที่เป็นระเบียบและมีลำดับความสำคัญที่ชัดเจน
ข้อมูลที่สำคัญที่สุดควรวางอยู่ด้านบนของหน้าเว็บ (Above the fold) เพื่อให้ผู้ใช้เห็นได้ทันทีโดยไม่ต้องเลื่อนลงมา และควรแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วน ๆ ด้วยการใช้หัวข้อ ย่อหน้า และรูปภาพที่เหมาะสม นอกจากนี้ การใช้พื้นที่ว่าง (White space) อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เนื้อหาไม่แน่นเกินไปและช่วยให้ผู้ใช้โฟกัสกับสิ่งที่สำคัญได้ดีขึ้น
Page Footer
ส่วนท้ายของเว็บไซต์อาจดูเหมือนมีความสำคัญน้อย แต่จริง ๆ แล้วเป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์มากสำหรับการให้ข้อมูลเพิ่มเติมและช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงหน้าอื่น ๆ ของเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องเลื่อนกลับขึ้นไปด้านบน องค์ประกอบทั่วไปในส่วน Footer มักประกอบด้วย ข้อมูลติดต่อ ลิงก์ไปยังหน้าสำคัญ เมนูเสริม ลิงก์โซเชียลมีเดีย ลิขสิทธิ์ และนโยบายความเป็นส่วนตัว
การออกแบบ Footer ควรมีความสอดคล้องกับส่วนอื่น ๆ ของเว็บไซต์ทั้งในแง่สีสันและสไตล์ แต่อาจใช้สีพื้นหลังที่แตกต่างเพื่อแสดงการแบ่งแยกจากส่วนเนื้อหาอย่างชัดเจน การจัดวางควรเป็นระเบียบและไม่แออัดจนเกินไป โดยจัดกลุ่มข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันไว้ด้วยกัน เช่น จัดกลุ่มข้อมูลติดต่อไว้ด้วยกัน หรือจัดกลุ่มลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายไว้ด้วยกัน
สรุปบทความ
การออกแบบเว็บไซต์ที่ดีจะช่วยสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้เข้าชม ทำให้พวกเขาอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น และมีโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้าหรือผู้ติดตามของธุรกิจคุณมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะออกแบบเว็บไซต์เองหรือใช้บริการจากมืออาชีพ การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถประเมินและพัฒนาเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้
เราคือ Marketing Agency ที่มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเพื่อการมีส่วนร่วมในเอเชียแปซิฟิก พร้อมทีมงานมืออาชีพ