ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารไหลผ่านหน้าจออย่างรวดเร็ว การดึงดูดความสนใจของผู้ชมให้หยุดมองคอนเทนต์ของเรากลายเป็นความท้าทายสำคัญ นักการตลาดและนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ต่างค้นหาวิธีที่จะทำให้เนื้อหาโดดเด่นและน่าจดจำ หนึ่งในกลยุทธ์ที่ทรงพลังและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง คือ การใช้ Visual Content หรือคอนเทนต์ในรูปแบบภาพและวิดีโอ แต่ Visual Content คืออะไรกันแน่ ทำไมถึงสำคัญ และเราจะสร้างสรรค์มันออกมาให้ “สะดุดตา” ได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบให้คุณครับ
Visual Content คืออะไร

Visual Content หมายถึง รูปแบบของเนื้อหาที่สื่อสารข้อมูลหรือข้อความผ่านองค์ประกอบทางภาพเป็นหลัก แทนที่จะใช้เพียงตัวอักษรหรือข้อความเพียงอย่างเดียว ซึ่งครอบคลุมสื่อหลากหลายประเภท ตั้งแต่รูปภาพธรรมดา วิดีโอ อินโฟกราฟิก ไปจนถึงภาพเคลื่อนไหว และอื่น ๆ อีกมากมาย หัวใจสำคัญของ Visual Content คือ การใช้ “ภาพ” เพื่อเล่าเรื่อง สื่อสารอารมณ์ หรือทำให้ข้อมูลที่ซับซ้อนเข้าใจง่ายขึ้น
เหตุผลที่ Visual Content มีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน มาจากการที่สมองของมนุษย์ประมวลผลภาพได้เร็วกว่าข้อความหลายเท่า ข้อมูลจากหลายงานวิจัยชี้ว่า เราสามารถจดจำข้อมูลที่เป็นภาพได้ดีกว่า และภาพยังกระตุ้นการตอบสนองทางอารมณ์ได้รวดเร็วกว่าอีกด้วย ในโลกออนไลน์ที่ผู้คนมีสมาธิจดจ่อสั้นลง การใช้ Visual Content จึงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการจับความสนใจ สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) และทำให้สารที่เราต้องการสื่อ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและน่าจดจำ
Visual Content มีกี่ประเภท
Visual Content นั้นมีความหลากหลาย สามารถปรับใช้ให้เข้ากับแพลตฟอร์มและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป เรามาทำความรู้จักกับประเภทหลัก ๆ ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันกันครับ
รูปภาพ (Image)
รูปภาพถือเป็นรูปแบบพื้นฐานและเข้าถึงง่ายที่สุดของ Visual Content ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายจริง ภาพวาด ภาพกราฟิกดีไซน์ หรือภาพประกอบต่าง ๆ รูปภาพสามารถใช้สื่อสารข้อความได้หลากหลาย ตั้งแต่การแสดงสินค้าหรือบริการ การสร้างบรรยากาศและอารมณ์ ไปจนถึงการใช้เป็นภาพประกอบบทความเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น ความสวยงาม ความคมชัด และความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รูปภาพนั้น ๆ มีประสิทธิภาพ
วิดีโอ (Video)
วิดีโอเป็นหนึ่งในรูปแบบ Visual Content ที่ทรงพลังและได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการรวมทั้งภาพเคลื่อนไหว เสียง และข้อความเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้วิดีโอสามารถเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อน สร้างความบันเทิง ดึงดูดอารมณ์ และสร้างการมีส่วนร่วมได้อย่างยอดเยี่ยม วิดีโอมีหลายรูปแบบ เช่น วิดีโอสั้น (Short-form video) ที่นิยมบน TikTok หรือ Instagram Reels, วิดีโอขนาดยาว (Long-form video) สำหรับเนื้อหาเชิงลึก, วิดีโอถ่ายทอดสด (Live video) เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์แบบเรียลไทม์ หรือวิดีโอสาธิตสินค้า (Product demo)
อินโฟกราฟิก (Infographic)
อินโฟกราฟิก คือ การนำข้อมูลที่ซับซ้อน สถิติ หรือขั้นตอนต่าง ๆ มาย่อยและนำเสนอในรูปแบบภาพที่สวยงาม เข้าใจง่าย และน่าสนใจ มักประกอบด้วยไอคอน กราฟ แผนภูมิ และข้อความสั้น ๆ ที่ออกแบบมาอย่างดี อินโฟกราฟิกเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสรุปข้อมูลจำนวนมากให้กระชับ ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพรวมและจดจำข้อมูลสำคัญได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นคอนเทนต์ที่ถูกแชร์ต่อได้ง่ายอีกด้วย
ภาพเคลื่อนไหว (Animation)
ภาพเคลื่อนไหว หรือ แอนิเมชัน เป็นอีกรูปแบบของ Visual Content ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างสรรค์เรื่องราวหรืออธิบายแนวคิดที่เป็นนามธรรมให้เห็นภาพได้ชัดเจน ตั้งแต่แอนิเมชันแบบ 2D, 3D, Motion Graphics ไปจนถึง GIF แบบง่าย ๆ แอนิเมชันสามารถเพิ่มความสนุกสนาน มีชีวิตชีวา และเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับวิดีโออธิบาย (Explainer video), การนำเสนอข้อมูล หรือการสร้างเรื่องราวที่น่าติดตาม
E-Books
แม้ว่า E-Books หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีเนื้อหาหลักเป็นตัวอักษร แต่การจัดวางเลย์เอาต์ การใช้รูปภาพประกอบ กราฟ หรืออินโฟกราฟิกภายในเล่ม ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ Visual Content เพื่อทำให้เนื้อหาที่ยาวและละเอียดน่าอ่านและเข้าใจง่ายขึ้น E-Books มักใช้เป็นเครื่องมือในการให้ความรู้เชิงลึก หรือเป็น Lead Magnet (สิ่งดึงดูดให้คนกรอกข้อมูล) ในแคมเปญการตลาด การออกแบบ E-Book ที่สวยงามและอ่านง่ายจึงมีความสำคัญไม่น้อย
7 เทคนิคสร้าง Visual Content ให้สะดุดตา

เมื่อเข้าใจแล้วว่า Visual Content คืออะไรและมีรูปแบบไหนบ้าง คำถามต่อไปคือ เราจะสร้างสรรค์มันออกมาอย่างไรให้โดดเด่น ดึงดูดสายตา และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองนำ 7 เทคนิคนี้ไปปรับใช้กันดูครับ
1. เลือกใช้ภาพโฆษณาที่ดึงดูด และแสดงเอกลักษณ์ของแบรนด์
ภาพแรกที่ผู้ชมเห็นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นภาพปกวิดีโอ ภาพประกอบบทความ หรือภาพในโพสต์โซเชียลมีเดีย ควรเลือกใช้ภาพที่มีคุณภาพสูง คมชัด สื่อถึงเนื้อหาหลัก และที่สำคัญคือต้องสะท้อน “ตัวตน” หรือเอกลักษณ์ของแบรนด์ การกำหนด Mood & Tone, การใช้สี หรือสไตล์ภาพที่สอดคล้องกัน จะช่วยสร้างการจดจำและทำให้ Visual Content ของคุณดูเป็นมืออาชีพ การออกแบบแบรนด์ที่ดีจะช่วยกำหนดแนวทางในการเลือกใช้ภาพเหล่านี้ได้
2. ใช้ Visual Storytelling
มนุษย์เราเชื่อมโยงกับเรื่องเล่าได้ดีเสมอ ลองใช้ Visual Content ของคุณเพื่อ “เล่าเรื่อง” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ เรื่องราวความสำเร็จของลูกค้า หรือการนำเสนอสินค้า/บริการผ่านสถานการณ์จำลอง การเล่าเรื่องด้วยภาพหรือวิดีโอจะช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกคล้อยตามและจดจำแบรนด์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น นี่คือส่วนสำคัญของการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและแตกต่าง
3. อย่าลืมปุ่ม Call to Action (CTA)
Visual Content ที่สวยงามเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากไม่สามารถกระตุ้นให้ผู้ชมดำเนินการบางอย่างต่อได้ อย่าลืมใส่ Call to Action (CTA) ที่ชัดเจนลงไปในภาพหรือวิดีโอของคุณ ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม “คลิกเลย”, “ดูรายละเอียดเพิ่มเติม”, “ซื้อตอนนี้” หรือข้อความเชิญชวนอื่น ๆ ควรออกแบบ CTA ให้โดดเด่น มองเห็นง่าย และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของคอนเทนต์นั้น ๆ
4. เล่าเรื่องยาก ให้เข้าใจง่ายด้วย Infographic
หากคุณมีข้อมูล สถิติ หรือขั้นตอนที่ซับซ้อนและต้องการนำเสนอให้ผู้ชมเข้าใจได้ง่าย ๆ อินโฟกราฟิกคือคำตอบที่ดีที่สุด ออกแบบอินโฟกราฟิกให้สวยงาม ใช้สีสันและไอคอนที่น่าสนใจ แบ่งข้อมูลเป็นส่วน ๆ ให้ย่อยง่าย และเน้นจุดสำคัญให้ชัดเจน อินโฟกราฟิกที่ดีไม่เพียงแต่ให้ข้อมูล แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้แบรนด์ของคุณดูเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ
5. เลือกใช้แฮชแท็กและแคปชั่นที่เหมาะสม

แม้ Visual Content จะเน้นที่ภาพ แต่ข้อความประกอบอย่างแคปชั่นและแฮชแท็กก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน แคปชั่นที่ดีควรช่วยเสริมบริบท ขยายความ หรือกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมเพิ่มเติม ส่วนแฮชแท็ก (#) จะช่วยเพิ่มการมองเห็น ทำให้คอนเทนต์ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สนใจในเรื่องนั้น ๆ ได้กว้างขึ้น ควรเลือกใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง และผสมผสานระหว่างแฮชแท็กที่กว้างและเฉพาะเจาะจง
6. อย่ากลัวที่จะนำเสนอเรื่องราวผ่านวิดีโอ
วิดีโอยังคงเป็นราชาแห่งคอนเทนต์ในหลาย ๆ แพลตฟอร์ม อย่ากลัวที่จะลองสร้างสรรค์เนื้อหาในรูปแบบวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสั้น ๆ ให้ความรู้, วิดีโอเบื้องหลังสนุก ๆ , Live พูดคุยกับผู้ชม หรือแม้แต่วิดีโอสาธิตการใช้สินค้า/บริการอย่างละเอียด การนำเสนอผ่านวิดีโอช่วยสร้างความใกล้ชิดและทำให้ผู้ชมเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หากคุณมีเว็บไซต์ การฝังวิดีโอที่น่าสนใจก็เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มเวลาที่ผู้ชมอยู่บนหน้าเว็บ ซึ่งหากคุณใช้บริการรับทำเว็บไซต์ ก็อาจจะต้องมีการพูดคุยและกำหนดเรื่องนี้ให้ชัดเจน
7. ลองทำคอนเทนต์ How-to
คอนเทนต์ประเภท “สอนทำ” หรือ “แนะนำวิธี” (How-to) ได้รับความนิยมเสมอ เพราะช่วยแก้ปัญหาหรือให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ชมโดยตรง การสร้าง Visual Content ในรูปแบบ How-to เช่น ภาพขั้นตอนพร้อมคำอธิบายสั้น ๆ หรือวิดีโอสอนแบบ Step-by-step จะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจและทำตามได้ง่าย เป็นวิธีที่ดีในการแสดงความเชี่ยวชาญและสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ของคุณ
สรุปบทความ
Visual Content ไม่ใช่แค่เทรนด์การตลาดที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่มันคือเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังและจำเป็นอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน การทำความเข้าใจในรูปแบบต่าง ๆ ของ Visual Content และการนำเทคนิคการสร้างสรรค์ที่เหมาะสมมาปรับใช้ จะช่วยให้คอนเทนต์ของคุณโดดเด่น สะดุดตา ดึงดูดความสนใจ และสื่อสารข้อความไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาพที่สะท้อนแบรนด์ การเล่าเรื่องด้วยภาพ การใช้อินโฟกราฟิกย่อยข้อมูล หรือการสร้างสรรค์วิดีโอที่น่าสนใจ
เราคือ Marketing Agency ที่มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเพื่อการมีส่วนร่วมในเอเชียแปซิฟิก พร้อมทีมงานมืออาชีพ