ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การทำการตลาดแบบหว่านแหอาจไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป การทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งและเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ หนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางก็คือ STP Marketing บทความนี้ NeuMerlin Group จะพาทุกท่านไปรู้จักว่า STP Marketing และ Segmentation Targeting Positioning คืออะไร และทำไมทุกธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญก่อนที่จะเริ่มวางแผนการตลาด
เริ่มต้นทำความรู้จัก: STP Marketing คืออะไรกันแน่?

STP Marketing คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถออกแบบแบรนด์ กำหนดทิศทางและวางแผนการตลาดได้อย่างเฉียบคมและมีประสิทธิภาพ โดยหัวใจหลักของ STP Marketing ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่
- Segmentation (การแบ่งส่วนตลาด)
- Targeting (การเลือกกลุ่มเป้าหมาย)
- Positioning (การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์)
พูดง่าย ๆ ก็คือ STP Marketing เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจว่าลูกค้าของเราคือใคร (Segmentation) เราควรจะให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มไหนเป็นพิเศษ (Targeting) และเราจะทำให้ลูกค้ารับรู้และจดจำแบรนด์หรือสินค้าของเราในภาพลักษณ์แบบใด (Positioning) เพื่อให้แตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งในตลาด
ทำไม STP Marketing จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกธุรกิจไม่ควรมองข้าม?
การทำ STP Marketing ไม่ใช่เป็นเพียงทฤษฎีทางการตลาด แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจทุกขนาดในยุคปัจจุบัน เพราะ STP Marketing ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างคุ้มค่าที่สุด แทนที่จะเสียเวลางบประมาณและแรงงานไปกับการทำการตลาดแบบไม่เจาะจง
นอกจากนี้ STP Marketing ยังช่วยให้เรามุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าหรือบริการของเรามากที่สุด ทำให้การสื่อสารทางการตลาดตรงประเด็นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และนำไปสู่การเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว
เจาะลึกองค์ประกอบของ STP Marketing : S-T-P มีอะไรบ้าง?

เพื่อให้เข้าใจ STP Marketing ได้อย่างถ่องแท้ เรามาเจาะลึกถึงองค์ประกอบทั้งสามส่วน ซึ่งแต่ละส่วนมีความสำคัญและเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก การทำความเข้าใจว่า Segmentation Targeting Positioning คือ แกนหลัก จะช่วยให้การวางกลยุทธ์ STP Marketing ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
1. Segmentation (การแบ่งส่วนตลาด): ก้าวแรกสู่การเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง
Segmentation หรือ การแบ่งส่วนตลาด คือขั้นตอนแรกของการทำ STP Marketing ซึ่งเป็นการจัดกลุ่มผู้บริโภคที่มีลักษณะ ความต้องการ หรือพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันออกเป็นส่วนย่อย ๆ (Segments) เพื่อให้ธุรกิจสามารถทำความเข้าใจลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเกณฑ์ที่นิยมใช้ในการแบ่งส่วนตลาดมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- การแบ่งตามข้อมูลประชากรศาสตร์ (Demographics) เช่น อายุ เพศ รายได้ การศึกษา
- การแบ่งตามภูมิศาสตร์ (Geographics) เช่น ที่อยู่อาศัย
- การแบ่งตามพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral) เช่น ลักษณะการใช้สินค้า ความถี่ในการซื้อ
- การแบ่งตามจิตวิทยา (Psychographics) เช่น ไลฟ์สไตล์ ค่านิยม บุคลิกภาพ
ซึ่งการทำ Segmentation ที่ดีจะทำให้เห็นภาพรวมว่า Segmentation Targeting Positioning คือ โอกาสที่ธุรกิจจะค้นพบตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่อาจยังไม่มีใครเข้าไปตอบสนอง
2. Targeting (การเลือกกลุ่มเป้าหมาย): เลือกสนามรบที่ใช่ เพื่อชัยชนะทางการตลาด
หลังจากที่ได้แบ่งส่วนตลาด (Segmentation) ออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ แล้ว ขั้นตอนต่อไปของ STP Marketing คือ Targeting หรือ การเลือกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นการประเมินความน่าสนใจของแต่ละส่วนตลาดและตัดสินใจเลือกกลุ่มลูกค้าที่ธุรกิจต้องการจะเข้าไปทำการตลาดด้วย
โดยกลุ่มเป้าหมายที่ดีควรมีขนาดใหญ่พอที่จะสร้างผลกำไร มีศักยภาพในการเติบโต สามารถเข้าถึงได้ และสอดคล้องกับทรัพยากรและจุดแข็งของธุรกิจ ดังนั้น การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้ธุรกิจสามารถออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาด ผลิตภัณฑ์ สร้างคอนเทนต์ และสื่อสารที่ตรงใจลูกค้ากลุ่มนั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจสำคัญของ STP Marketing
3. Positioning (การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์/แบรนด์): สร้างจุดยืนที่แตกต่างและน่าจดจำ
Positioning หรือ การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์/แบรนด์ คือขั้นตอนสุดท้ายของ STP Marketing และเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความแตกต่างและความน่าจดจำให้กับแบรนด์ หรือผลิตภัณฑ์ในใจของกลุ่มเป้าหมาย
เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด Positioning คือการกำหนดว่าเราต้องการให้ลูกค้ารับรู้ถึงคุณค่า จุดเด่น หรือภาพลักษณ์ใดของแบรนด์ เช่น เป็นแบรนด์ที่เน้นคุณภาพ ราคาที่คุ้มค่า นวัตกรรมที่ล้ำสมัย หรือการบริการที่เป็นเลิศ เป็นต้น ซึ่งการสร้าง Positioning ที่แข็งแกร่งและชัดเจนจะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เลือกไว้ และทำให้พวกเขารู้สึกว่าแบรนด์ของเราคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา
ตัวอย่างการนำ STP Marketing ไปปรับใช้จริงในธุรกิจ

สำหรับคนที่ยังไม่เห็นภาพว่า การทำ STP Marketing จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้และเป็นประโยชน์กับแบรนด์ได้อย่างไร ลองมาดูตัวอย่างที่ NeuMerlin Group นำมาแนะนำได้เลย โดยขอยกตัวอย่างถึงธุรกิจร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่เพิ่งเริ่มต้นการทำธุรกิจ
- การทำ Segmentation โดยอาจแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่มนักศึกษา กลุ่มคนทำงานออฟฟิศ และกลุ่มผู้สูงอายุ
- ทำการ Targeting โดยเลือกกลุ่มคนทำงานออฟฟิศเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เนื่องจากมีกำลังซื้อและต้องการสถานที่นั่งทำงานหรือพักผ่อนในช่วงกลางวัน
- การทำ Positioning โดยวางตำแหน่งร้านให้เป็น "ร้านกาแฟพรีเมียมสำหรับคนทำงาน บรรยากาศเงียบสงบ พร้อม Wi-Fi ความเร็วสูง และมีเมนูอาหารกลางวันเบา ๆ"
จะเห็นได้ว่า STP Marketing ช่วยให้ร้านกาแฟแห่งนี้สามารถออกแบบเมนู ตกแต่งร้าน และทำการตลาดได้อย่างตรงจุด ซึ่งแตกต่างจากการพยายามจะตอบสนองลูกค้าทุกกลุ่มพร้อมกัน การเข้าใจว่า Segmentation Targeting Positioning คือ แนวทางที่ธุรกิจนี้ใช้เพื่อสร้างความสำเร็จ
สรุปบทความ
การทำความเข้าใจว่า STP Marketing หรือ Segmentation Targeting Positioning คืออะไร และนำมาปรับใช้อย่างไรนั้น ถือเป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่ทุกธุรกิจไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ การแบ่งส่วนตลาดที่ชัดเจน การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม และการวางตำแหน่งแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้ธุรกิจสามารถทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในที่สุด
เราคือ Marketing Agency ที่มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเพื่อการมีส่วนร่วมในเอเชียแปซิฟิก พร้อมทีมงานมืออาชีพ