เราจะพาทุกคนมาสำรวจว่า การทำกลยุทธ์ทางการตลาดผ่าน Instagram ที่กำลังทำอยู่นั้นเป็น 12 ข้อที่กำลังเดินทางผิดอยู่หรือเปล่า แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร?
1. คุณไม่สนใจข้อมูลจาก Analytic
หนึ่งในข้อผิดพลาดทางที่พบบ่อยที่สุดก็คือนักการตลาดส่วนใหญ่มักจะละเลย ต่อข้อมูลหลังบ้านที่มี (หรือไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่) ทั้งที่จริงแล้ว Instagram นั้นสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประโยชน์จำนวนมหาศาลให้เราได้ ทั้งในระดับบัญชีต่อโพสต์และในภาพรวม
Solution: การเข้าไปดู Analytic หลังบ้านของเราเพื่อตรวจสอบข้อมูลเป็นวิธีที่จะทำให้เราทราบว่าสิ่งใดใช้ได้ผลและไม่ได้ผล หากโพสต์ทำงานได้ดีจริงๆ เราควรดูการวิเคราะห์ของโพสต์นั้นเพื่อหาสาเหตุร่วมกับทีมงานต่อไป
2. ใช้ # Hashtag มากจนเกินไป
แฮชแท็กนั้นเปรียบเสมือนเป็นดาบสองคม สำหรับแบรนด์ ซึ่ง Hashtag อาจจะช่วยให้ User สามารถหาเราเจอได้ง่ายยิ่งขึ้นก็จริง แต่ มันก็อาจทำให้ Content ของคุณดูเหมือนสแปมเช่นกันหากคุณใช้มันเยอะจนเกินไป
Solution: ถึงแม้แฮชแท็กนั้นสามารถใช้ได้สูงสุด 30 Hashtag แต่จากข้อมูลของ Hootsuit นั้นบอกว่าจำนวน Hashtag ที่ใช้บ่อยที่สุดคือ 1-3 รายการต่อโพสต์ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้มีการยืนยันที่แน่นอนว่าใช้จำนวนเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมที่สุด คุณอาจจะต้องทดลองกับสินค้าหรือแบรนด์ของคุณเองเพื่อหาจำนวนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณเอง หรือ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความ AdEspresso แนะนำว่าสามารถใช้แฮชแท็กได้สูงสุด 11 รายการ
3. ใช้ Social แต่เราไม่ Social !
ใช่ครับ หากผู้ใช้ Social Media ไม่มีความ Social ก็ไม่ได้นะ เพราะ Social Media ไม่ใช่เครื่องมือการ สื่อสารทางเดียว หรือ One-way Communication เพราะคนที่เล่น Social Media ส่วนใหญ่นั้นชอบการได้พูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องราว
Solution: นักการตลาดอย่างเราๆ ควรใช้เวลาในการโต้ตอบมากพอๆ กับที่เราสร้างและเผยแพร่เนื้อหา ไม่ใช่แค่เข้าไปพูดคุยกับผู้ติดตามของเราเท่านั้นนะ การเข้าวงสนทนากับแบรนด์อื่นๆ ในโพสต์ที่อื่นๆ อย่างที่เราเริ่มเห็นกันมากขึ้นตามโพสต์ต่าง ๆ ก็ยังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้าง Engagementยิ่งไปกว่านั้นการที่เราไปตอบในทุกๆ ความคิดเห็น คำถาม การกล่าวถึง หรือแม้แต่การตอบกลับ DM เป็นโอกาสในการสร้าง Loyalty และสร้างประสบการณ์แบรนด์ในทางบวกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
4. โพสต์แบบไม่มีกลยุทธ์
ทุก ๆ คน ทุกแบรนด์อยากสร้างสรรค์ Content เพื่อลงบนสื่อออนไลน์ให้ได้มากๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ทำไมเราต้องลงมากมายขนาดนั้นแล้ว ลงไปเพื่ออะไร ? แถมยังทำให้คุณทำงานยากยิ่งขึ้นไปอีกหากคุณไม่ทราบว่าคุณนั้นต้องการอะไรจากการทำ Instagram Marketing
- ต้องการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ไม่?
- ต้องการแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด?
- ต้องการทำยอดขายโดยตรงผ่านร้าน Instagram ของคุณ?
Solution: เลือกหนึ่งเป้าหมายเพื่อเริ่มต้น และสร้างแผนกลยุทธ์เพื่อไปถึงจุดนั้นมัน เพื่อให้มีแกนไว้ยึดเหนี่ยวใช้เป็นตัวชี้นำทุกการตัดสินใจและคุณจะทราบถึงวิธีวัดผลที่เหมาะสมให้แก่เป้าหมายนั้นๆ เพราะวิธีการวัดผลของแต่ละเป้าหมายนั้นก็แตกต่างกันออกไปอีก
5.ไม่ใช้ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดเลย !
อัลกอริธึมของ Instagram นั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และการใช้ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดของแพลตฟอร์มนั้นก็จะดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จเสมอเช่นกัน หากคุณยังใช้เพียงวิธีเก่า ๆ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์แต่ภาพนิ่ง หรือ Story อาจจะทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญบางอย่างได้
Solution: นักการตลาดที่รับการเปลี่ยนแปลงของ Social Media Platform ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วได้นั้นจะได้เปรียบมากยิ่งขึ้นเพราะจะใช้ประโยชน์จากการมีส่วนร่วมได้ดีขึ้น เพราะฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ทำออกมามักจะถูก ผลักดันทำให้มีการเข้าถึง (Reach) ที่มากขึ้น ซึ่งจะมีแนวโน้มที่จะปรากฏบนหน้าสำรวจ (Explore) มากยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของการใช้ VDO ตั้งแต่ Instagram Stories จากนั้น Instagram TV (IGTV) และตอนนี้คือ Instagram Reels หากคุณยังไม่ได้เปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์เน้นวิดีโอสั้นเป็นหลัก ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะลองใช้ Instagram Reels มาปรับใช้ในแผนการตลาดของคุณ
6. ไม่มีการ Tracking Link เลย !
คุณมีเป้าหมายที่จะเพิ่ม Website Traffic ใช่ไหม ? ถ้าใช่ คุณกำลังติดตามการคลิกแต่ละลิงก์ที่มาจาก Instagram ด้วยหรือไม่? เวลาหัวหน้าของคุณต้องการหลักฐานโซเชียลมีเดียเพื่อพิสูจน์ ROI ของแพลตฟอร์ม เช่น Instagram หากคุณใส่ลิงก์ผ่าน Instagram Stories, Reels, Shops หรือประวัติของคุณ (Bio)แต่คุณไม่ระบุว่ามันมาจาก Instagram ระวังผลงานของคุณจะหายไป !
Solution: แต่ละลิงก์ที่คุณโพสต์ควรมีการติด Tracking UTM เพื่อตรวจสอบได้ว่า คนที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมากจากที่ไหน ด้วยวิธีนี้คุณสามารถให้เครดิตผลลัพธ์ทางธุรกิจ ในการทำการตลาดบน Instagram ของคุณได้
7. Post แต่ Content แนวนอน !
ทาง Hootsuit บอกว่าข้อนี้อาจจะเป็นหนึ่งในข้อผิดพลาดที่น่าประหลาดใจที่สุดที่ยังคงเห็นนักการตลาดหลายๆ คนทำอยู่ Hootsuit แจ้งว่า 92.1% ของการใช้อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นบนโทรศัพท์มือถือ หมายความว่าเราต้องการให้เนื้อหาของเรากินพื้นที่ของหน้าจอในแนวตั้งให้ได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดผู้ใช้ ซึ่งหากเป็นภาพถ่ายหรือวิดีโอแนวนอนนั้นใช้พื้นที่ครึ่งหนึ่งของแนวตั้ง! ดูคู่มือขนาดโซเชียลมีเดียของ Hootsuit สำหรับข้อมูลจำเพาะที่อัปเดตล่าสุด
Solution: หากเป้าหมายในการโพสต์คอนเทนต์ของคุณคือการดึงดูดความสนใจและหยุดผู้ใช้ไม่ให้เลื่อนกลางคัน (ไม่ว่าเป็นเป็นภาพนิ่ง หรือ วิดีโอ)เราควรโพสต์เป็นเนื้อหาแนวตั้งเท่านั้น ซึ่งทั้งนี้มันก็มีเหตุผลอยู่
8. ไม่สนใจเทรนด์ใดๆ ทั้งสิ้น
เทรนด์ไม่ได้มีไว้สำหรับ Influencer หรือ Gen Z เท่านั้น และเราไม่ได้จะสื่อว่าเราต้องทำ Real Time Marketing จากที่ที่ Hootsuit กล่าวมา
Solution: นักการตลาดโซเชียลมีเดียคิดถึงแนวโน้มของ Trend บางอย่างอยู่เสมอ เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถปรับให้เข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์และผู้ชมได้อย่างเหมาะสม เช่นตัวอย่างที่ Hootsuit นำมายกตัวอย่างจากต่างประเทศ
ตัวอย่างเช่น: Grittynhl การโพสต์ภาพหน้าจอของทวีต (พร้อมเครดิต) และการใช้ GIF โต้ตอบวัฒนธรรมป๊อปถือซึ่งเป็นทางออกที่ดี และ แบรนด์ต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมได้อย่างง่ายดาย มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทุกแบรนด์จะได้ทำคอนเทนต์ล้อกับเทรนด์บางอย่างได้ทุกเทรนด์อย่างเช่นตัวอย่างที่ทาง Hootsuit ยกตัวอย่าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถเรียนรู้จากพวกเขาได้ Gritty ประสบความสำเร็จมากในการมีส่วนร่วมในกระแสวัฒนธรรมป๊อป — ซึ่งจากจุดนี้หากเขาไปมีส่วนร่วมในเทรนด์ที่ไม่เข้ากับแบรนด์ของพวกเขา พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถมีส่วนร่วมกับเทรนด์นี้เลย
9. ไม่มีการทดลองจากการวางกลยุทธ์
หากคุณคิดว่า ข้อ 4 ที่บอกว่าไม่มีกลยุทธ์ว่าแย่แล้ว สิ่งที่อาจจะแย่ยิ่งกว่า คือ กลยุทธ์ที่ล้าสมัยไปแล้วนั้นเอง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่างมากในยุคสมัย หากเรามีการวาง หรือศึกษากลยุทธ์จากผู้อื่นแล้ว เราควรลองค่อยๆ ปรับใช้กับแบรนด์ของเรา เพราะใช่ว่ากลยุทธ์เดียวกันจะประสบความสำเร็จเหมือนกัน
Solution: การได้ทดลองหาสูตรสำเร็จเฉพาะของเราอาจเป็นวิธีเดียวที่จะรู้ว่าสิ่งใดใช้ได้ผลกับแบรนด์ของเราอย่างแท้จริง สิ่งที่เราควรทำการทดสอบเสมอ
- เวลาโพสต์
- ความถี่ในการโพสต์
- ความยาวคำบรรยาย
- จำนวนและประเภทของแฮชแท็ก
- รูปแบบเนื้อหา
- ธีมเนื้อหาและเสาหลัก
แม้ว่าจะเป็นเหมือนการเสี่ยงดวง แต่ทาง Hootsuit ก็แนะนำให้ทดสอบตัวแปรหนึ่งตัวเป็นเวลาอย่างน้อย 5 โพสต์ (หรือ 2-3 สัปดาห์แล้วแต่ว่าสิ่งใดจะให้ข้อมูลเพิ่มเติม) ก่อนทำการสรุป
หรือก็จะกลับไปย้ำเตือนในข้อ 1 ว่าเราควรดู Analytic หลังบ้านเราด้วยนะหลังจากทำการทดลองแล้วนั้นเอง
10.โพสต์แต่ภาพที่ดูดีเกิ๊นนน
เมื่อแบรนด์ต่างๆ เริ่มใช้ Instagram ในยุคแรก ๆ เราคาดหวังว่าจะได้เห็นงานภาพถ่ายที่สวยงามและมีคุณภาพสูงในฟีดของตัวเอง แต่ทุกวันนี้ ผู้ใช้ Instagram จำนวนมากกำลังเปลี่ยนไปเสพงานคอนเทนต์ หรือชื่นชอบภาพที่มีความสมจริงมากกว่าภาพที่สวยงามเกินไป
Solution: ถือเป็นข่าวดีสำหรับนักการตลาดจริงๆ เพราะเราไม่ต้องเสียเวลาและเงินจำนวนมากไปกับงานโปรดักชั่นเพื่อสร้างเนื้อหาสำหรับ Instagram มากเกินจนไปจะดูไม่สมจริงและโดดเด่น หรือ ขายของเกินไปในฟีด ลองใช้กล้องโทรศัพท์ของคุณเพื่อถ่ายเนื้อหาในขณะนั้นให้มัน Real มากยิ่งขึ้น และลดการใช่ฟิลเตอร์ลง อาจจะเป็นแนวทางที่ดีกว่าก็เป็นได้นะ ซึ่งมันทำให้ลูกค้าเห็นภาพสินค้าได้ตรงกับความเป็นจริง ทำให้ ลูกค้ารู้สึกเข้าถึงสินค้ามากกว่า การถ่ายภาพงานโปรดักชั่นสวยงาม
11. ไม่ปรับปรุงให้เข้ากับการค้นหาจาก Ig
จากรายงาน บล็อกปี 2021 จาก Instagram ตอนนี้เรารู้มากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการแสดงผลการค้นหาและวิธีที่แบรนด์สามารถปรับปรุงอันดับการค้นหาให้ดียิ่งขึ้นได้
Solution: เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาเว็บไซต์ของเราสำหรับการค้นหาหรือที่เรียกว่า SEO Instagram ก็สามารถทำได้เช่นกัน Instagram bio, captions, and alt text สามารถปรับปรุงให้เหมาะสมแก่การค้นหาบน Instagram ซึ่งหมายถึงการสร้างสำเนาโซเชียลของคุณเพื่อรวมคำที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ที่ค้นหาคุณให้เจอคุณได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
12. ไม่ยอมทำคอนเทนต์ให้เข้าถึงได้
หากคุณใส่ alt text ให้กับทุกภาพที่คุณโพสต์บนโซเชียลมีเดียเสมอแสดงว่าคุณกำลังนำหน้าคนอื่น หากไม่เป็นแบบนั้น นักการตลาดจะต้องเรียนรู้วิธีทำให้เนื้อหาของเราครอบคลุมมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั้งหมด
Solution: นี่คือรายการตรวจสอบเบื้องต้นที่ทาง Hootsuit แนะนำ
- เพิ่มคำอธิบายภาพทุกภาพ
- เขียนแฮชแท็กโดยใช้ Camel Case (#CamelCaseLooksLikeThis)
- เพิ่มคำบรรยาย (หรือคำบรรยาย) ให้กับวิดีโอทั้งหมดที่มีเสียง
- อย่าใช้ตัวสร้างฟอนต์แฟนซี
- อย่าใช้อิโมจิเป็นสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยหรือประโยคกลาง
สรุปบทความ
และนี่คือ 12 ข้อผิดพลาดทางการตลาดทั่วไปที่คุณจะไม่ทำบน Instagram ของคุณอีกต่อไปจาก Hootsuit ที่เราได้ลองหยิบยกมาแปล ลองเช็กตัวเองว่าเราทำพลาดไปกี่ข้อแล้วรีบนำไปปรับปรุงให้กับแบรนด์ตัวเองดูครับ
ซึ่งแน่นอนว่ากฎของโซเชียลมีเดียนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นเราจึงไม่ควรกลัวที่จะลองทำสิ่งต่าง ๆ ตราบใดที่คุณเรียนรู้จากสิ่งที่ทำไปว่ามันได้ผลและไม่ได้ผล เพราะการตลาดคือการเรียนรู้ในโลกใบที่กำลังรอเราอยู่
Source :
https://www.hootsuite.com
เราคือ Marketing Agency ที่มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเพื่อการมีส่วนร่วมในเอเชียแปซิฟิก พร้อมทีมงานมืออาชีพ