3E’s สร้างงานครีเอทีฟให้ปังอย่างยั่งยืน

สร้างสรรค์ผลงานด้วยหลักการทำงานแบบ 3E’s ที่จะทำให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในระดับบุคคลไปจนถึงระดับการทำงานเป็นทีม มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ไปดูเลย

เมื่อต้องคิดสร้างสรรค์ผลงานสักชิ้นขึ้นมา จะมีเพียง 6% ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้จริง คำถามต่อมา คือ แล้วนักการตลาดอย่างเราจะทำให้เปอร์เซ็นต์ที่เหลือสามารถสร้างความสำเร็จและเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจได้อย่างไร กับสภาวะโลกการตลาดยุคใหม่ในปัจจุบันนี้ ที่เห็นได้ชัดว่าปริมาณของไอเดียนั้นมีมากมาย ทั้งยังมีอายุขัยที่สั้นลง ซึ่งถ้าเราลองมองเข้ามาในฝั่งอย่างนักสื่อสารการตลาด มันยิ่งดูเป็นเหมือนโรงงานผลิตคอนเทนต์ โดยสิ่งแวดล้อมการทำงาน และกระบวนการทำงานแบบเดิม ๆ ไม่สามารถตอบโจทย์ได้อีกต่อไป ในขณะที่ไอเดียก็ยังคงต้องการความพิถีพิถันในกระบวนการคิดและทำ หรือที่เรามักจะเรียกว่า “ความคราฟท์” ซึ่งสิ่งที่ท้าทายเรา คือ ถ้าต้องผลิตไอเดียที่มีปริมาณมากด้วยทรัพยากรและเวลาที่เท่าเดิม เราจะคงความคราฟท์ไว้ได้อย่างไร จึงเป็นที่มาว่าเราต้องนำกระบวนการ และเทคโนโลยีบางอย่างเข้ามาช่วยในการทำงาน

ที่ NMG มีเป้าหมายในการสร้างผลงานจากความคิดสร้างสรรค์แบบ 3E’s ซึ่งเราได้ปรับปรุงกระบวนการทำงาน และพัฒนาซอฟแวร์ในการทำงานภายใน รวมถึงการใช้เครื่องมือเชื่อมต่อกับซอฟแวร์ภายนอก เพื่อสร้าง ecosystem สำหรับทีมงานหัวคิดใหม่บนการทำงานกับไอเดียในรูปแบบใหม่ เพื่อช่วยซัพพอร์ตการทำงานที่จะสร้างผลลัพธ์แบบโลกใหม่อย่างยั่งยืน ซึ่งมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

E#1 Effective

“ถ้ายังทำให้รถสตาร์ทไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดให้ประหยัดน้ำมัน” แน่นอนว่าอันดับแรกไอเดียต้องสร้างผลสำเร็จได้ก่อน เรายังคงทำงานด้วยความคราฟเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเราต้องคราฟให้เร็วขึ้น นั่นหมายความว่าต้องใช้เวลาให้คุ้มค่ามากขึ้น เราจึงสร้างกระบวนการการทำงานแบบ Inter-dependent teamwork คือ เราได้สร้างพื้นที่การทำงานทั้งแบบ Physical และ Virtual ให้สมดุลกัน โดยมีระบบในการบริหารจัดการบน Virtual Space ที่ให้ทุกคนสามารถรับรู้สถานะ ความเป็นไปของโปรเจกต์แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะแบ่งเวลาการทำงานแบบลุยเดี่ยว และการทำงานเป็นทีม ตามกระบวนการที่เหมาะสม อีกทั้งยังมีระบบให้ผู้บริหารจัดการโปรเจกต์ สามารถสร้างรูปแบบการทำงานเพื่อสร้างผลลัพธ์ได้ในเวลาที่เร็วขึ้น โดยเพิ่มการทำงานแบบคู่ขนาน และลดความทับซ้อนของการทำงานลง มากไปกว่านั้น virtual workspace จะทำให้คนทำงานสามารถเลือกสภาวะแวดล้อมที่พวกเขาสามารถคราฟงานได้ดีที่สุด เพราะอย่าลืมว่าสุดท้ายไอเดียที่ดีต้องมาจากผู้สร้างไอเดียที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วย

E#2 Efficiency

เมื่อทุกอย่างต้องทำให้ดีขึ้น ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด (รวมถึงงบประมาณ) ต้องคิดให้ได้ว่าเราจะทำให้รถวิ่งเร็วขึ้นทุกวันโดยกินน้ำมันเท่าเดิมได้อย่างไร ในรูปแบบการทำงานผู้ให้บริการทางการตลาด เราจะนำงบประมาณที่ได้จากโปรเจกต์นั้น ๆ มาแบ่งเป็นชั่วโมงการทำงาน โดยเป้าหมายหลัก คือ ทำอย่างไรให้ใช้ชั่วโมงการทำงานได้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะสุดท้ายเราขายผลลัพธ์ ไม่ได้ขายชั่วโมงทำงาน ดังนั้น เราจึงต้องมีระบบประเมินชั่วโมงการทำงานที่สร้างประสิทธิภาพสูงสุด เพราะต้องสร้างสมดุลระหว่างชั่วโมงการทำงานที่มากพอให้คนทำงาน และราคาค่าบริการที่คุ้มค่าสำหรับลูกค้า เราจึงต้องมีระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะที่เรียกว่า RCAL on cloud โดยประยุกต์มาจากระบบ timesheet แบบเดิม ๆ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามา คือ big data ที่ได้จากการเก็บข้อมูลการทำงานบน cloud ในทุก ๆ วัน เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพของการทำงานได้อย่างหลากหลายมิติแบบเรียลไทม์ จากหลากหลายโปรเจกต์มาเทียบวัดหาจุดสมดุลและปรับปรุงให้ตรงตามความเหมาะสมของการทำงานในอนาคต

E#3 Expectancy of Success

เรื่องสุดท้าย ซึ่งคือเรื่องที่สำคัญที่สุด คือ เราต้องสามารถคาดหวังผลลัพธ์ความสำเร็จให้อยู่ในขอบเขตได้ในทุก ๆ ครั้ง กล่าวคือ ต้องทำความเข้าใจก่อนเริ่มทำงานว่าปัจจัยหลักของความสำเร็จนั้นอยู่ที่การตั้งเป้าหมาย ถ้าตั้งเป้าหมายที่ต่ำโอกาสสำเร็จก็มีมาก งบประมาณที่ใช้ก็ไม่เยอะมาก หรือถ้าตั้งเป้าหมายที่สูงโอกาสสำเร็จก็น้อยกว่า งบประมาณก็ต้องเผื่อเยอะกว่า โดยหลักการตั้งเป้าหมายของเรา คือ การตั้งเป้าหมายแบบ AAA ซึ่งต้องมี  

  1. Achievable มีความเป็นไปได้สูงว่าจะประสบความสำเร็จได้จริง
  2. Aspiring มีโอกาสเบ่งให้ได้มากกว่ามาตรฐาน
  3. Appealing คือน่าทำงานด้วย ทั้งจากมุมมองลูกค้าและทีมทำงาน

โดยหลักการคิดนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน แต่หัวใจหลักของการตั้งเป้าหมายคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าจุดที่เป็น AAA Target อยู่ที่ไหน เราจึงต้องนำ History data ของการทำงานที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนข้อมูลชี้วัดจากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ในปัจจุบัน มาวิเคราะห์เทียบเคียงว่าเราควรใช้งบประมาณเท่าไหร่ไปกับเครื่องมือการตลาดแบบไหน สัดส่วนของการใช้งบประมาณเป็นอย่างไร เช่นในโจทย์ที่ได้แบบเดียวกันนี้ จากข้อมูล history data ที่ผ่านมาเราควรวางสัดส่วน Strategy : Creative : Media เท่าไหร่ หรือมองอีกมุมในแง่สัดส่วนของ Ads Budget : Media Inventory ควรเป็นเท่าไหร่ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด และควรตั้งเป้าหมายอย่างไรถึงจะสามารถสร้างเป้าหมายแบบ AAA เพื่อสร้างผลลัพธ์แบบ AAA

เพราะเราเชื่อว่า การบริหารไอเดียที่สร้างความสำเร็จแบบยั่งยืนอย่างแท้จริง คือ การสร้างกลุ่มของไอเดียที่สร้างผลลัพธ์ให้อยู่ในขอบเขตที่คาดหวังได้ในทุก ๆ ครั้ง และในขณะเดียวกันต้องมีส่วนประกอบที่สามารถคาดหวังความสำเร็จแบบเหนือความคาดหมาย ซึ่งเมื่อเราทำมันอย่างต่อเนื่องก็จะได้ผลลัพธ์โดยรวมที่คาดหวังในความสำเร็จได้แบบยั่งยืน

ก้าวสู่โลกการตลาดตลาดยุคใหม่ ด้วยวิถีการทำงานใหม่แบบยั่งยืน โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยให้ผลลัพธ์จากความคิดสร้างสรรค์เกิดประสิทธิภาพได้จริง ซึ่งเราไม่ได้นำเทคโนโลยีมาทดแทนบุคลากรการตลาดที่มีคุณภาพ แต่เรานำเทคโนโลยีมาสร้างสิ่งแวดล้อมให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในระดับบุคคลไปจนถึงระดับการทำงานเป็นทีม

โอกาสทางการตลาดของโลกใหม่รอเราอยู่ และเราพร้อมแล้วที่จะไขว่คว้ามัน

Writer
NMG Team

เราคือ Marketing Agency ที่มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเพื่อการมีส่วนร่วมในเอเชียแปซิฟิก พร้อมทีมงานมืออาชีพ

As a creative agency, we believe in the power of imagination and innovation. We are constantly pushing the boundaries of what is possible, and strive to create work that is not only beautiful and effective, but also meaningful and impactful.

เริ่มโปรเจคร่วมกัน

contact@neumerlin.com
การใช้เว็บไซต์นี้แสดงว่าคุณตกลงที่จะจัดเก็บคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณเพื่อปรับปรุง และ วิเคราะห์การใช้งานของเว็บไซต์ ดู นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเราสําหรับข้อมูลเพิ่มเติม Privacy Policy